Google Maps Platform ใช้เพื่อบอกพิกัดบอกได้มากกว่าตำแหน่งให้กับองค์กรของคุณ ให้เป็นที่รู้จักและพบเจอ
ให้ข้อมูลองค์กรของคุณเห็นข้อมูลของคุณที่มากขึ้นบนแผนที่มีคนมากกว่า 1 ล้าน ล้านคนทั่วโลกที่ใช้งาน
- การเรียก Google Maps Platform โดยไม่ใช้ Key (Keyless Usage) จะใช้งานไม่ได้แล้ว (ตั้งแต่ June 11th)
- เพิ่ม feature (และวิธีการเรียกใช้งาน) ใหม่ ๆ เช่น
- Directions Advanced และ Distance Matrix Advanced สามารถคำนวณโดยใช้ traffic information ได้ด้วย
- Place Autocomplete สามารถเรียกแบบ per session ได้ (แต่เดิมที่มีแต่ per request)
- Places API คิดราคาตามคุณภาพของผลลัพธ์ โดยถ้าต้องการแค่ Basic Response จะราคานึง แต่ถ้าต้องการ Contact หรือ Atmosphere ด้วยก็จะเป็นอีกราคานึง
คิดค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริงแบบรายเดือน (pay-as-you-go)
- โดยคิดราคาต่อทุก ๆ 1,000 service requests
- ยิ่งใช้เยอะ ราคาต่อหน่วยจะยิ่งถูก
- แจกฟรีปริมาณการใช้งาน 200 USD/month
หลังจากเกริ่นไปพอสมควร วันนี้มี Tip เล็กๆน้อยๆ มานำเสนอสำหรับองค์กรที่ใช้งาน Google Maps Platform อยู่แล้วให้ประหยัดมากขึ้นได้ดังนี้
- สำหรับ Dynamic Map (การแสดง Google Maps บน web application), ไม่ควร load map บ่อย ๆ เพราะจะทำให้นับ request
- เพิ่มขึ้น เช่น application ที่แสดง list ของสาขาธนาคาร เมื่อ user เลือกเพื่อเปลี่ยนสาขา และต้องการให้ย้ายตำแหน่งบน map
- ก็ให้ทำการย้าย marker แทน โดยไม่จำเป็น load map ใหม่ สรุปคือ code ด้านล่างควรถูก execute เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
- ถ้า end user ไม่จำเป็นต้องมี interaction ใด ๆ กับ Google Maps ให้ใช้ Maps Static API แทน Dynamic Map
- เพราะราคาถูกกว่า โดย Maps Static API จะให้ผลลัพธ์เป็น image กลับมาและเราสามารถนำรูปนั้นไปใช้งานต่อได้
- เช่น เรียกเป็น web services แล้วส่งรูปแผนที่ที่ได้มานั้นเข้า email พนักงานที่จะออกไปทำงานภายนอกบริษัท เป็นต้น
- Native App ทั้งบน iOS และ Android สามารถเรียกใช้งานผ่าน Maps SDK for iOS และ Maps SDK for Android ได้ฟรี
- แบบไม่จำกัดจำนวน ดังนั้น เราสามารถทำ mobile app ให้แสดงแผนที่จาก Google Maps ได้แบบฟรี ๆ
#Tangerine #GoogleCloudbyTangerine #GoogleCloud
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Maps Platform สามารถดูได้ที่ → https://bit.ly/2NNWpmc